ดนตรีประกอบด้วยเสียง (Tone) หลายๆ
เสียง มาต่อๆ กัน แต่ละเสียงมีระดับเสียงสูงต่ำและความยาวที่ต่างกัน
เมื่อนำเสียงเหล่านั้นมาต่อๆ กันจึงได้เป็นเพลงออกมา
ในบทนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของระดับเสียงกัน
สำหรับเรื่องความยาวของเสียงได้พูดไว้ในบทเรียนเรื่อง จังหวะ ครับ
ระดับเสียง (Pitch) คือ
ความแหลมหรือทุ้มของเสียง เสียงแหลมคือเสียงสูง เสียงทุ้มคือเสียงต่ำ ยกตัวอย่าง
เช่น เสียงผู้หญิงมักจะสูงกว่าเสียงของผู้ชาย เสียงแก้วแตกเป็นเสียงที่สูง เป็นต้น
สำหรับเปียโน คีย์ที่อยู่ด้านขวาจะให้เสียงที่สูงกว่าคีย์ที่อยู่ด้านซ้ายเสมอ
เพราะฉะนั้นคีย์ซ้ายสุดบนเปียโนจะเป็นเสียงที่ต่ำที่สุด (ทวนความจำหน่อยนะครับว่า
คีย์ซ้ายสุดของเปียโนคือตัว A-ลา)
และคีย์ที่อยู่ขวาสุดจะเป็นเสียงที่สูงที่สุดของเปียโน (คีย์ขวาสุดของเปียโนคือตัว
C-โด)
มาพิจารณาที่เพลงหนูมาลีของเรากัน
ในเพลงนี้เราใช้ระดับเสียง 4 ระดับเสียง เรียกตามชื่อของคีย์เปียโนที่ใช้เล่นคือ C-โด,
D-เร, E-มี, และ G-ซอล
(F-ฟา ไม่ได้ใช้ในเพลงนี้)
ลองฟังเพลงหนูมาลีเทียบกับภาพนะครับ ในภาพผมจะเขียนเปรียบเทียบเสียงให้ดูง่ายๆ
โดยถ้าเสียงสูงกว่าผมจะเขียนไว้สูงกว่า ส่วนเสียงต่ำกว่าผมจะเขียนไว้ต่ำกว่า ตัว G-ซอล
จะมีระดับเสียงสูงที่สุด รองลงมาเป็นตัว E-มี (ตัว F-ฟา
ไม่ได้ใช้ในเพลงนี้) รองลงมาเป็นตัว D-เร และต่ำสุดคือ C-โด
ลองฟังแล้วสังเกตเปรียบเทียบความสูงต่ำของเสียงแต่ละเสียงนะครับ
เพลงหนูมาลี
ภาพแสดงเสียงสูง-ต่ำในเพลงหนูมาลี
ลองไปเล่นเพลงหนูมาลีใหม่นะครับ
เพื่อฟังระดับเสียงที่สูงๆ ต่ำๆ ในเพลง และลองกดคีย์แต่ละคีย์บนเปียโนด้วย
ลองฟังอย่างตั้งใจว่าเสียงตัว G-ซอล มีลักษณะอย่างไร เสียงตัว E-มี
มีลักษณะเป็นอย่างไร รวมทั้งตัวอื่นๆ ด้วย
และลองเปรียบเทียบกันว่าเสียงที่สูงกว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เสียงที่ต่ำกว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร
จะทำให้เราเข้าใจเรื่องระดับเสียง ได้ดียิ่งขึ้นครับ
การอ่านระดับเสียงจากตัวโน้ต
เราจะดูตำแหน่งของตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น โดยหากระดับเสียงยิ่งสูง
โน้ตจะยิ่งอยู่สูง หากระดับเสียงยิ่งต่ำ โน้ตจะยิ่งอยู่ต่ำ
การสังเกตว่าโน้ตอยู่สูงหรือต่ำ เราจะดูจากหัวของตัวโน้ตเป็นหลัก
ส่วนหางของตัวโน้ตบางทีเราจะปัดขึ้นหรือปัดลงแล้วแต่ความเป็นระเบียบและความง่ายในการอ่าน
ซึ่งไม่มีผลต่อระดับเสียง และในบทนี้ผมอาจจะใช้ตัวโน้ตหลายๆ แบบ เช่น โน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว หรือโน้ตตัวกลม แต่ให้เราสนใจเฉพาะหัวโน้ตเพื่อศึกษาเรื่องระดับเสียงเท่านั้น
ยังไม่ต้องสนใจความยาวของตัวโน้ตนะครับเพราะในบทนี้เราจะพูดกันถึงระดับเสียงเท่านั้น
(สำหรับเรื่องจังหวะและค่าความยาวของตัวโน้ตอ่านได้จากบทเรียนเรื่อง จังหวะ กับ
ตัวโน้ต ครับ)
บรรทัดห้าเส้น (อังกฤษ-อังกฤษ Stave, อังกฤษ-อเมริกิน
Staff)
บรรทัดห้าเส้น (Stave, Staff))
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับบรรทัดห้าเส้นกันก่อน
โดยบรรทัดห้าเส้นก็แปลตามตัวเลยครับ ก็คือ เส้นห้าเส้น เรียงขนานกัน
ระยะห่างแต่ละเส้นเท่ากัน โดยเราจะเรียกเส้นล่างสุดคือเส้นเบอร์ 1
สูงขึ้นไปคือ เส้นเบอร์ 2 3 4 และ 5
ตามลำดับ โดยเส้นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Line ช่องว่างระหว่างเส้นเราจะเรียกว่า
ช่อง (space) ช่องระหว่างเส้นเบอร์ 1
และเส้นเบอร์ 2 เราจะเรียกว่าช่องเบอร์ 1
ไล่ขึ้นไปเป็นช่องเบอร์ 2 3 และ 4
ตามลำดับ
การเขียนโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น สามารถเขียนได้ 2
แบบคือ
เขียนทับเส้น
ดังตัวอย่างข้างล่างนี้นะครับ
โน้ตเส้น (Line note)โน้ตที่เขียนทับเส้นเราเรียกว่า
โน้ตเส้น (Line Note)
โน้ตที่เขียนอยู่ระหว่างเส้น เราเรียกว่า โน้ตช่อง (Space Note)
ในกรณีที่เราต้องการโน้ตที่สูงหรือต่ำเกินบรรทัดห้าเส้นออกไป
เราสามารถขีดเส้นเพิ่มได้ โดยเราจะเรียกว่า เส้นน้อย (Leger Line) แต่การเขียนโน้ตที่เลยออกไปก็ยังต้องอยู่บนพื้นฐานของ โน้ตเส้น และโน้ตช่อง ครับ นี่คือตัวอย่าง
โน้ตเหนือบรรทัดห้าเส้น
โน้ตใต้บรรทัดห้าเส้น
กฎการอ่านโน้ต
อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า โน้ต 1
ตัว แทนเสียง 1 เสียง
ความยาวของเสียงดูได้จากลักษณะของตัวโน้ตว่าเป็นโน้ตแบบไหน เช่น โน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว โน้ตตัวกลม เป็นต้น (หากลืม ทบทวนได้จากบท จังหวะ และ ตัวโน้ต ครับ)
ส่วนการดูระดับเสียงของตัวโน้ต ดูได้จากตำแหน่งของตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น
โดยในการอ่านโน้ตมีกฎอยู่ 4 ข้อดังนี้ครับ
กฎข้อที่ 1
อ่านโน้ตจากซ้ายไปขวา
เหมือนการอ่านหนังสือ
การอ่านโน้ตเราจะอ่านจากซ้ายไปขวา
เมื่อจบแถวก็ขึ้นบรรทัดใหม่และอ่านจากซ้ายไปขวาเช่นเดิมไปเรื่อยๆ จนจบเพลง
กฎข้อที่ 2
ยิ่งสูงยิ่งไปทางขวา ยิ่งต่ำยิ่งไปทางซ้าย
ยิ่งสูงยิ่งไปทางขวา แปลว่า โน้ตยิ่งอยู่สูงบนบรรทัดห้าเส้น
เสียงจะยิ่งสูงและคีย์ที่เราจะกดบนเปียโนยิ่งอยู่ทางขวา
ยิ่งสูงยิ่งไปทางขวา
กฎข้อที่ 3
โน้ตขยับครึ่งช่อง เท่ากับขยับ 1 คีย์เปียโน
การขยับขึ้นหรือลงของตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น
จะขยับทีละครึ่งช่องต่อหนึ่งคีย์ ยกตัวอย่างเช่นหากเรามีโน้ตช่องเบอร์ 2
และโน้ตตัวต่อไปขยับขึ้นไปเป็นโน้ตเส้นเบอร์ 3
โน้ตตัวที่สองเมื่อเทียบกับตัวแรกจะเป็นการขยับคีย์เปียโนไปทางขวาหนึ่งคีย์
และในทางกลับกันหากโน้ตขยับลงครึ่งช่อง จะเป็นการขยับไปทางซ้าย 1
คีย์
ขยับขึ้นทีละ
1 คีย์
ขยับลงทีละ 1
คีย์
NOTE : หากโน้ตขยับจากช่องไปช่อง
หรือขยับจากเส้นไปเส้น จะเป็นการกระโดดข้ามคีย์ไป 1
คีย์
กฎข้อที่ 4
กุญแจต่างกัน อ่านโน้ตต่างกัน
เราได้เรียนรู้จากกฎข้อที่
3 แล้วว่าการขยับโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น
เราจะขยับทีละครึ่งช่องต่อหนึ่งคีย์ เพราะฉะนั้น หากคิดเล่นๆ
ให้เราลองนับจากโน้ตเส้นเบอร์ 1 หรือเส้นล่างสุด ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
จนถึงโน้ตเส้นเบอร์ 5 หรือก็คือเส้นบนสุดบนบรรทัดห้าเส้น
จะมีโน้ตได้ทั้งหมดกี่ตัว? คำตอบคือ 9
ตัว นั่นหมายความว่า เราแทนคีย์บนเปียโนได้ 9
คีย์ จากโน้ตบนบรรทัดห้าเส้น (ไม่รวมเส้นน้อย)
แต่เปียโนมีถึง 52
คีย์ (นับเฉพาะสีขาว) ประกอบกับเวลาเราเล่นเปียโน
เราเล่นด้วยมือสองมือและทั้งสองมือเล่นอยู่บริเวณที่แตกต่างกัน หากเทียบกับ Middle
C-โด มือขวามักจะเล่นอยู่สูงกว่า Middle C-โด
ส่วนมือซ้ายมักจะเล่นอยู่ต่ำกว่า Middle C-โด ดังรูปข้างล่างนี้ครับ
ใช้การอ่านโน้ต 2
แบบที่แตกต่างกันเพื่อให้ครอบคลุมคีย์เปียโนมากยิ่งขึ้น สำหรับมือซ้ายและมือขวา
ดังนั้นเราจะใช้การอ่านโน้ตที่แตกต่างกันสองแบบ
เพื่อให้ครอบคลุมคีย์ที่เราจะเล่นมากยิ่งขึ้น
โดยแบบนึงจะครอบคลุมโน้ตเสียงสูงที่เล่นด้วยมือขวา
และอีกแบบนึงสำหรับโน้ตที่เสียงต่ำกว่าและเล่นด้วยมือซ้าย
โดยการอ่านโน้ตแบบแรกสำหรับมือขวานั้น
เมื่อเทียบ Middle C-โดบนเปียโนกับตัวโน้ตที่จะเขียนบนบรรทัดห้าเส้น
จะได้โน้ตที่อยู่ด้านล่าง เพื่อให้โน้ตที่สูงขึ้นๆ ไป
เขียนกระจายอยู่บนบรรทัดห้าเส้น และสำหรับการอ่านโน้ตอีกแบบที่ใช้โดยมือซ้าย ตัว Middle
C-โด จะเขียนได้เป็นโน้ตที่อยู่ด้านบนของบรรทัดห้าเส้น
ด้วยเหตุผลที่ว่า ให้โน้ตที่ต่ำลงไปเขียนอยู่บนบรรทัดห้าเส้น
ในการระบุว่าเรากำลังอ่านโน้ตแบบแรกหรือแบบที่สองนั้น
เราจะใช้สัญลักษณ์ที่เรียกว่า กุญแจ เขียนไว้หน้าสุดของบรรทัดห้าเส้น โดยเราจะใช้
กุญแจซอลสำหรับโน้ตเสียงที่สูงกว่าและมักเล่นด้วยมือขวา
กับกุญแจฟาสำหรับเสียงที่ต่ำกว่าและเล่นด้วยมือซ้าย
ซึ่งเราจะไปดูในรายละเอียดของการอ่านโน้ตทั้งสองแบบกันต่อเลยครับ
การอ่านโน้ตกุญแจซอล (Treble Clef)
การอ่านโน้ตกุญแจซอล
ในการอ่านโน้ต
เราต้องจำตำแหน่งของคีย์เปียโนกับตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้นให้ได้อย่างน้อยหนึ่งตัวก่อน
เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่รู้เลยว่าคีย์เปียโนแต่ละคีย์ตรงกับโน้ตตัวใด
เมื่อเราจำได้อย่างน้อยหนึ่งตัว ตัวที่เหลือที่เรายังจำไม่ได้
เราก็ยังสามารถใช้วิธีนับขึ้นหรือนับลงตามกฎข้อที่ 3
ของการอ่านโน้ตได้
แต่ในทางปฎิบัติการที่เราจำโน้ตแต่ละตัวกับคีย์แต่ละคีย์บนเปียโนให้ได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องไล่จะเป็นการดีมาก
เพราะจะทำให้เราอ่านโน้ตได้เร็วมาก ซึ่งเราต้องค่อยๆ ฝึกกันต่อไป สำหรับตอนนี้เรามาจำจุดอ้างอิงให้ได้ที่นึงก่อนครับ
ซึ่ง วิธีจำที่ง่ายที่สุดมีสองแบบคือ
1.จำตำแหน่งของ Middle C-โด
ดังรูปด้านบนนี้เลยนะครับ สังเกตนะครับว่า
ตัวโน้ตของ Middle C-โด สำหรับกุญแจซอลจะอยู่ใต้บรรทัดห้าเส้น
2.จำตำแหน่งของตัว G-ซอล
เทียบกับกุญแจซอล
การจำตำแหน่งของตัว
G-ซอล สำหรับกุญแจซอล
เมื่อเราจำได้แล้วอย่างน้อยหนึ่งตัว
ตัวที่เหลือเราก็ไล่ขึ้นหรือไล่ลงจากตัวที่เราจำได้ ได้เลยครับ
การอ่านโน้ตกุญแจฟา (Bass Clef)
การอ่านโน้ตกุญแจฟา
เราต้องจำตำแหน่งของคีย์เปียโนกับตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้นให้ได้อย่างน้อยหนึ่งตัวก่อน
โดยวิธีจำที่ง่ายที่สุดมีสองแบบเช่นกัน คือ
1.จำตำแหน่งของ Middle C-โด
ดังรูปด้านบนนี้เลยนะครับ สังเกตนะครับว่า
ตัวโน้ตของ Middle C-โด สำหรับกุญแจฟาจะอยู่เหนือบรรทัดห้าเส้น
2.จำตำแหน่งของตัว F-ฟา
เทียบกับกุญแจฟา
วิธีนี้เป็นที่นิยมมาก
เพราะกุญแจฟา(เค้าว่ากันว่า)มีลักษณะคล้ายตัว F ครับ
เหอๆๆ
การจำตำแหน่งของตัว
F-ฟา สำหรับกุญแจฟา
ตัวที่เหลือ ถ้ายังจำไม่ได้
ก็ใช้วิธีไล่ขึ้นหรือไล่ลงจากตัวที่เราจำได้ไปก่อนครับ
NOTE : อย่าลืมว่าโน้ตกุญแจซอลและกุญแจฟาจะอยู่คนละบริเวณกันบนเปียโน
โดยโน้ตกุญแจซอลจะอยู่สูงกว่า Middle C-โด แต่กุญแจฟาจะอยู่ต่ำกว่า
ในบางครั้งเราจะเผลอกดผิดที่ เช่น ตัว F บนเส้น 4 ของกุญแจฟาจะต้องอยู่ต่ำกว่า
Middle C-โด ส่วนตัว F บนช่อง
1 ของกุญแจซอลจะอยู่สูงกว่า Middle C-โด
ซึ่งบางครั้งเราไปกดตัวเดียวกัน ผมแนะนำให้เราอ้างอิงเทียบกับตัว Middle C-โด
เสมอครับ กดไม่ผิดชัวร์!
Grand Stave
ด้านหน้าของบรรทัดห้าเส้นทั้งสองแถวจะมีวงเล็บปีกกาครอบทั้งสองแถวรวมกันไว้
เป็นการบอกว่าสองแถวนี้อ่านโน้ตไปพร้อมกัน แต่ละแถวของบรรทัดห้าเส้นจะมีกุญแจ (Clef)
เขียนไว้ หลังจากนั้นตามด้วย Time Signature การกั้นห้องก็จะกั้นทั้งสองแถวพร้อมกัน
และจบเพลงก็จะจบพร้อมกัน
เนื่องจากบีทที่ใช้นับจังหวะสำหรับทั้งสองแถวเป็นบีทเดียวกัน การรวมกันของบรรทัดห้าเส้นทั้งสองแถวแบบนี้
ภาษาอังกฤษเรียกว่า Grand stave
เมื่อเราอ่านโน้ตเปียโนสำหรับสองมือ
เราควรตรวจสอบตำแหน่งของตัวโน้ตที่เราอ่านจากทั้งสองกุญแจเสมอ โดยเทียบกับตัว Middle
C-โด บนเปียโน ซึ่งจะช่วยให้เราไม่งงตำแหน่ง ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
นี่คือตัวอย่างโน้ตเปียโนสำหรับเพลงหนูมาลีของเรา
ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่เราได้เรียนไปแล้ว ดังนี้
1.โน้ตเพลงหนูมาลีสำหรับเล่นด้วยมือขวา
2.บรรทัดห้าเส้นสองแถวที่ผูกกันไว้ด้วยวงเล็บปีกกา
(Grand stave)
3.กุญแจซอล (Treble clef) ที่แถวบน
4.กุญแจฟา (Bass clef) ที่แถวล่าง
5.เครื่องหมายประจำจังหวะ (Time
signature) 4/4 ทั้งสองแถว
6.ตัวโน้ตที่เขียนตามจังหวะ (rhythm) โดยใช้โน้ตตัวดำ
ตัวขาว และตัวกลม
7.ระดับเสียงของตัวโน้ต (pitch) สูงต่ำบนบรรทัดห้าเส้น
8.เส้นกั้นห้อง (bar line) กั้นทุกๆ
4 บีทและบีทแรกของห้องเป็นบีทหนัก
9.เส้นคู่ (Double line) สำหรับบอกว่าจบเพลง
รบกวนขอพื้นที่นิดนึงนะคะ สำหรับผู้ชื่นชอบเปียโนไม้ ขอแนะนำเปียโนใหม่ จากเยอรมัน ราคา 145,000 ลดได้อีก มีของแถม สมัครเป็นตัวแทนฟรี ค่าตอบแทนสูงมาก โทร .ด่วน เบอร์นี้ 087-346-6837 หรือแอดไลน์ mayzone_may เพื่อรับส่วนลดและสิทธิพิเศษ
ตอบลบมีประโยชน์มากคครับ ขออนุญาตินำไปแบบการสอนน้องๆนะครับ
ตอบลบมีประโยชน์มาก ขอบคุณครับ
ตอบลบLine note กับ Space note ภาพสลับกันหรือเปล่าคะ
ตอบลบชัดเจน เข้าใจได้ง่ายครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ เข้าใจง่าย รื้อฟื้นตอนเรียนคีบอร์ดตอน ป.1-3 ได้อย่างดี
ตอบลบภาพโน้ตเส้น กับ ภาพโน้ตช่อง สลับกัน งงเลย
ตอบลบอ่านแล้วเข้าใจขึ้นเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบเข้าใจมากขึ้นเลยค่ะจากที่อ่านโน๊ตไม่เป็นเลยขอบคุณนะคะ
ตอบลบขอขอบคุณข้อมูลการปฏิบัติพื้นฐานเปียโนครับ
ตอบลบ